พ่อหัวใจสลาย ลูกชายวัย 15 ปี หยิบปืนมาเล่น กระสุนลั่นใส่หน้าทะลุขมับดับคาที่

เกิดเหตุสลด เด็กชายวัย 15 ปี แอบขึ้นไปห้องนอนพ่อแอบหยิบเอาอาวุธปืนของพ่อมาเล่น ปืนเกิดลั่นใส่ตัวเองดับคาที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. (12 ธ.ค.) ร.ต.อ.นธิป ธงไธสงค์ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านบึง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ว่ามีเหตุคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในหมู่บ้านแกรนด์ หมู่ 5 ตำบลมาบไผ่ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี

ที่เกิดเหตุภายในหมู่บ้านดังกล่าว เป็นบ้าน 2 ชั้น ตั้งอยู่หมู่ 5 ตำบลมาบไผ่ ตรวจสอบที่บริเวณห้องนอนชั้น 2 พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายทราบชื่อคือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกเจ้าของโรงงาน

ถุงหูกระต่าย ถุงพลาสติกหูกระต่าย สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ นอนหงายจมกองเลือด

ตรวจสอบตามตัวพบถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณโหนกแก้มซ้ายกระสุนทะลุขมับขวา และยังพบอาวุธปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิท ขนาด.38 ตกอยู่ข้างลำตัว ตรวจสอบในโม่พบปลอกกระสุนที่ใช้แล้วจำนวน 1 ปลอก และปลอกใส่อาวุธปืนวางอยู่ที่เตียงเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนบรรยากาศภายในห้องพบนายสุรีย์ และนางเหวิน พ่อแม่ของผู้ตายที่นั่งร้องไห้อยู่ด้วยความเสียใจ

จากการสอบถาม นายสุรีย์ พ่อของเด็กชายชิษณุพงศ์ผู้ตาย ให้การว่า ตนเองประกอบอาชีพรับซื้อของเก่ามีลูกชายทั้งหมด 2 คน ซึ่งผู้ตายเป็นลูกชายคนเล็กกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอศรีราชา ก่อนเกิดเหตุตนเองกำลังอยู่ที่ทำงานได้รับโทรศัพท์จากนางเหวิน ผู้เป็นภรรยา ว่าลูกชายยิงตัวเองเสียชีวิตภายในห้องนอนจึงได้รีบกลับเข้ามา

นายสุรีย์ ยังเผยอีกว่า ปกติลูกชายคนเล็กเป็นคนร่าเริงไม่เคยบ่นว่ามีเรื่องเครียดอะไร และอีกอย่างตนเองก็ไม่คิดว่าลูกชายจะเข้าไปภายในห้องนอน ส่วนอาวุธปืนตนเองก็ได้เก็บเอาไว้ในลิ้นชักหัวเตียง โดยได้แยกลูกกระสุนปืนออกไว้ที่ลิ้นชักหัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งแต่ไม่ได้ล็อกลิ้นชักไว้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าลูกชายทราบที่เก็บกระสุนปืนได้อย่างไร ตนเองรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ไม่ยอมเก็บอาวุธปืนไว้ให้ดี เลยต้องมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ คาดว่าลูกชายเข้ามานอนในห้องนอนของพ่อ แล้วเกิดเห็นอาวุธปืนของพ่อจึงได้หยิบออกมาเล่น แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นละด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงเกิดเหตุสลดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ต้องทำการสอบสวนถึงสาเหตุของการเกิดเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง