รักพี่เสมอ! รุ่นน้องฉุนรุ่นพี่บ่นไม่เลิกคว้าจอบทุบหัวดับ สุนัขคู่ใจเฝ้าศพไม่ห่าง

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 พ.ต.ท.เศรษฐวิทย์ คุณเศรษฐ์ สว.(สอบสวน) สภ.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนถูกทุบศีรษะเสียชีวิต บริเวณกระท่อมริมรั้วข้างสำนักงานเทศบาลตำบลหนองขอนกว้าง อ.เมืองอุดรธานี

จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ศิริมงคล บุญหนุน รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้า สภ.โนนสูง ร.ต.อ.อุดมโชค สิงหกุลศิริ รอง สว.สส.สภ.โนนสูง แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม

รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมไม้ยกพื้นสูง 1 เมตร กว้างและยาวประมาณ 2 เมตร มุงด้วยสังกะสี นำแสลนและพลาสติกมาทำเป็นฝาบ้าน เชือกฟาง เชือกมัดของ

พบศพนายเรืองเดช หรือคำหล้า อายุ 58 ปี เจ้าของกระท่อมนอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่พื้นหน้ากระท่อม สภาพศพสวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงนอนขายาวลายสีม่วง มีจอบวางอยู่ใกล้ศพ

และพบสุนัขพันธุ์ไทยชื่อ “เจ้าลีโอ” อายุ 8 ปี นอนเฝ้าศพนายเรืองเดชเจ้านายไม่ห่าง

จากการชันสูตรพบมีบาดแผลตีด้วยของแข็งจนแตกบริเวณท้ายทอยยาวประมาณ 10 ซม. เสียชีวิตมาประมาณ 3-4 ชม. ส่วนฆาตกรได้นั่งรอมอบตัวกับตำรวจ

ทราบชื่อนายเสกสรรค์ อายุ 45 ปี สารภาพว่า ตนทำงานที่โรงสีแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี รักและนับถือเป็นพี่น้องกับผู้ตาย ตนมาขออาศัยอยู่กับผู้ตายได้ประมาณ 1 ปี

ก่อนเกิดเหตุประมาณ 03.00 น. ผู้ตายตื่นไปส่องปลาและกบ กลับมาใกล้สว่างและบ่นให้ตนว่า ตนนอนดิ้นทำให้นอนไม่หลับ และเดินลงมานั่งบ่นอยู่หน้ากระท่อม

ตนก็จะเถียงแค่ 2-3 คำ แต่ผู้ตายบ่นไม่เลิกทำให้ตนโมโห จึงเดินลงจากกระท่อมไปหยิบเอาจอบที่วางไว้ข้างกระท่อม มาทุบที่ศีรษะผู้ตาย 1 ครั้ง ผู้ตายล้มลงหมดสติ ตนนึกว่าสลบไม่คิดว่าจะเสียชีวิต

แต่พอผู้ตายไม่ฟื้น ตนจึงได้เดินไปบอกพี่สาวผู้ตาย ซึ่งปลูกกระท่อมอาศัยอย่างประมาณ 50 เมตร และนั่งรอมอบตัวกับตำรวจ ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเสกสรรค์ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ นายเสกสรรค์ ได้ยกมือไหว้ขอขมาศพนายเรืองเดช พร้อมกับพูดว่า “ที่ทำลงไปผมไม่ได้ตั้งใจ ผมบันดาลโทสะ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากให้พี่ให้อภัย ผมรักพี่เหมือนพี่ชาย เกิดชาติหน้าขอให้มาเป็นพี่น้องกันอีก ผมขอโทษ”

ซึ่งขณะที่ผู้ก่อเหตุ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพและขอขมาศพ เจ้าลีโอ สุนัขของผู้ตาย ได้เดินวนเวียนอยู่รอบๆ ศพ ด้วยความอาลัยรักเจ้านาย

ส่วนนางเวียงเพชร อายุ 62 ปี พี่สาวผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายทำงานรับจ้างทั่วไป เป็นคนพิการเพราะเคยถูกเครื่องจักรตัดนิ้วมือขวาขาด 4 นิ้ว เหลือแค่นิ้วโป้ง

ส่วนนายเสกสรรค์ผู้ก่อเหตุทำงานที่โรงสีข้าวแห่งหนึ่ง ผู้ตายชอบเสพยาบ้าและกัญชา แต่เป็นคนนิสัยดี ห่วงพี่น้อง แต่ถ้าไม่ได้เสพก็จะหงุดหงิด และปลูกกระท่อมอาศัยอยู่คนเดียวเพราะเป็นคนโสด ส่วนตนจะคอยดูแลผู้ตายเพราะเป็นห่วงน้อง จะถามไถ่ตลอด

หากไม่มีข้าวกินตนก็จะทำกับข้าวมาส่ง ต่อมานายเสกสรรซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องมาขออาศัยอยู่กับผู้ตาย ตนไม่เคยเห็นทะเลาะกัน เป็นครั้งแรกที่ทะเลาะกันและทำให้น้องชายตนเสียชีวิต

ซึ่งเมื่อเช้านี้นายเสกสรรเดินไปบอกตนว่าฆ่านายเรืองเดชน้องชายของตนตาย จึงเดินมาดู และเห็นเจ้าลีโอนอนเฝ้าศพไม่ห่าง ตนรู้สึกสลดใจมาก ถึงอย่างไรก็รักน้อง แต่ก็ให้อภัยนายเสกสรรค์ และจะเลี้ยงเจ้าลีโอแทนผู้ตาย

ตำรวจได้นำศพไปที่นิติเวชโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ก่อนมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และแจ้งข้อหานายเสกสรรค์ “ฆ่าผู้โดยเจตนา” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป